ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2019

ภาษีเงินได้ของสมาคม สมาคมการค้า และมูลนิธิ

มูลนิธิ สมาคม และสมาคมการค้า จัดเป็นองค์การไม่แสวงหากำไร แต่ไม่ถือว่าเป็นองค์การที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จนกว่าจะได้รับการประกาศให้เป็นสถานสาธารณกุศลตามประมวลรัษฎากร มาตรา 47(7)(ข) องค์การไม่แสวงหากำไรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เหล่านี้ ต้องเสียภาษีเงินได้ โดยคำนวณจากเงินได้ที่ได้รับก่อนหักค่าใช้จ่าย เนื่องจากองค์การเหล่านี้ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่หวังผลกำไรอย่างหน่วยธุรกิจทั่วไป ด้งนั้น องค์การไม่หวังผลกำไรแม้จะมีรายได้ และรายจ่า ย แต่หลักในการคำนวณภาษีเงินได้ จะคำนวณจากฐานคือเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับอัตราภาษีขององค์การไม่หวังผลกำไรเหล่านี้ มีดังนี้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(1)-(7) อัตราภาษีอยู่ที่ 10% ของเงินได้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(8) เงินได้จากการพาณิชย์ อัตราภาษีอยู่ที่ 2% 🤞 🤞 🤞 ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้มารวมคำนวณภาษีใน 3 กรณีคือ 1. ค่าธรรมเนียม หรือค่าบำรุงที่เก็บจากสมาชิก 2. เงินบริจาค 3. เงินได้โดยเสน่หา วางแผนการจัดตั้งสมาคมของคุณให้สอดคล้องกับภาระภาษีด้วยนะ จะได้มีเงินไว้สร้างกิจกรรมตามวัตถุประสง

3 ปัจจัยของความเข้มแข็งของสมาคมการค้า

สมาคมการค้าที่เข้มแข็ง แสดงออกด้วยความสามารถในการชักจูงให้สมาชิกกระทำการใดๆก็ตาม ที่โดยปกติสมาชิกไม่คิดจะกระทำ นั่นเป็นเพราะสมาคมการค้านั้นๆมีพลังบางอย่างที่สมาชิกไม่อาจขัดขืน ไม่ว่าจะเป็นพลังด้านบวกหรือพลังด้านลบก็ตาม แต่ก็มีผลในการขับเคลื่อนสมาชิกทั้งหมดให้ไปในทิศทางที่สมาคมการค้านั้นต้องการได้ หากจะวิเคราะห์ลักษณะร่วมที่สามาคมการค้าที่เข้มแข็งเหล่านี้ พบว่า สมาคมการค้าที่เข้มแข็งเหล่านี้จะมีลักษณะดังต่อไปนี้ อย่างน้อยหนึ่งอย่างในแต่ละสมาคม คือ 1. ความหนาแน่นของสมาชิก คือ ส มาคมการค้านั้น จะมีจำนวนสมาชิกเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงของจำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนั้น หรือสมาชิกมีผลิตภาพเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงครอบคลุมผลิตภาพทั้งหมดของอุตสาหกรรม สมาคมที่มีความหนาแน่นของสมาชิกมาก ย่อมมีความเป็นตัวแทนของสมาชิกได้อย่างเต็มภาคภูมิในการติดตาอกับหน่วยงานภายนอก 2. สร้างประโยชน์ที่เป็นที่ต้องการแก่สมาชิก การที่ผู้ประกอบการธุรกิจหนึ่งๆ จะเข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคมการค้านั้น ย่อมหวังประโยชน์บางอย่างจากสมาคมการค้านั้น หากประโยชน์ที่สมาคมการค้านั้นมอบให้นั้น นอกจากจะเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการแล้ว ย

6 เหตุผลที่ควรจัดตั้งเป็นสมาคม แทนการรวมกลุ่มไม่เป็นทางการ

หากคุณกำลังรวมกลุ่มทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อส่วนรวม ช่วงเริ่มต้น คุณอาจวางแผนเพียงแค่ว่า มันอาจจะเป็นการรวมตัวกันระยะสั้น เมื่อจบกิจกรรมก็จะแยกย้ายกัน แต่เมื่อกิจกรรมดำเนินไประยะนึง คุณกลับพบว่า มันจะเป็นประโยชน์มากกว่า หากจะทำกิจกรรมนี้สืบเนื่องต่อไปอีก โดยไม่คิดว่าจะยุบกลุ่มแยกย้ายในเร็ววันนี้ ถึงตอนนี้ คุณเริ่มคิดถึงการจัดตั้งกลุ่มให้มีความถาวร และนี่คือ 6 เหตุผลที่คุณควรจัดตั้งกลุ่ม ให้เป็นสมาคม หรือสมาคมการค้า 1. เป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้บริหาร เมื่อจดทะเบียนเป็นสมาคม หรือสมาคมการค้าแล้ว สมาคมนั้นๆ จะมีสถานะเป็นนิติบุคคล คือเป็นบุคคลตามกฎหมายที่แยกต่างหากจากผู้บริหาร สมาคมจึงสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ สินทรัพย์นั้นจะใช้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกโดยรวม ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ในขณะเดียวกัน สมาคมก็สามารถเป็นหนี้ได้ หนี้ของสมาคมก็แยกต่างหากจากตัวผู้บริหารเช่นกัน การเป็นสมาคม มักจะเกิดผลอีกด้านหนึ่งคือ เมื่อการรวมกลุ่มมีความมั่นคง จึงมักทำให้ผู้บริหารและสมาชิกเริ่มคิดถึงอนาคตระยะยาว เริ่มคาดหวังให้สมาคมมีแผนงานระยะยาวในการสร้างกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสมาชิก นอกจากนี้ การเป็นนิติบุคคล