ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

6 แหล่งรายได้ของสมาคม

สมาคมการค้าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องขนาดงบประมาณที่จะใช้ในการผลักดันกิจกรรมของสมาคม ครั้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจากสมาชิก สมาขิกก็มักจะไม่ยินยอมให้เก็บเพิ่ม สมาคมการค้าจึงมักจะต้องใช้วิธีปรับลดกิจกรรมตามแผนงานลง ปัญหาเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับองค์การที่ไม่หวังผลกำไรอื่นประเภทที่เน้นบทบาทของสมาชิกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดีๆ สมาชิกไม่ใช่แหล่งรายได้เดียวของสมาคมการค้า เมื่อจำแนกรายได้ของสมาคม จากเจ้าของเงิน เราสามารถแบ่งได้เป็น


1.สมาชิก : 
สมาชิกเป็นแหล่งรายได้แรกๆที่สมาคมจะคิดถึง อย่างไรก็ตาม สมาคมสามารถได้รับรายได้จากสมาชิก ไม่เพียงแต่ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมเท่านั้น สมาคมยังสามารถสร้างสรรค์บริการอื่นที่ตรงใจสมาชิก เพื่อรับค่าบริการเป็นการตอบแทน เช่นการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของสมาชิก, การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สมาชิก เป็นต้น

2.ภาครัฐ : 
องค์การไม่หวังผลกำไร เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไม่สามารถดูแลงานภาคสังคมได้ทั่วถึง จึงเกิดการรวมตัวกันของชุมชนเข้ามาช่วยจัดการแทนภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐจึงสนับสนุนงบประมาณและอื่นๆ เป็นการตอบแทนการทำหน้าที่แทนรัฐบาลขององค์การไม่แสวงหากำไร ในโครงการที่เป็นนโยบายของภาครัฐ
สมาคมการค้าเป็นการรวมตัวของชุมชนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ในขณะที่รัฐบาลทุกรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ การใช้ GDP เป็นเกณฑ์วัดผลการทำงานของทุกรัฐบาล ดังนั้น หากสมาคมการค้ามีแผนหรือแนวทางที่จะส่งเสริมธุรกิจ เพื่อให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม จึงเป็นแนวทางที่รัฐบาลอาจให้การสนับสนุน ถ้าจะเพิ่มโอกาสได้รับการสนับสนุนแน่ๆ ก็ต้องเป็นงานที่อยู่ในแผนการส่งเสริมของภาครัฐ กรณีเช่นนี้มีโอกาสมากขึ้นที่จะได้รับการสนับสนุน แต่อาจไม่ใช่ในรูปแบบของเงินแเสมอไป เพราะบ่อยครั้งที่การสนับสนุนของภาครัฐอาจมาในรูปแบบอื่นด้วยเช่น ที่ปรึกษา, วงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ, การสนับสนุนทางวิชาการจากภาคการศึกษา เป็นต้น

ภาครัฐจึงเป็นอีกแหล่งหนึ่งที่สามารถสนับสนุนเงินองค์การที่ไม่หวังผลกำไร

3.ภาคธุรกิจ :
สมาชิกของสมาคมการค้า ก็คือเจ้าของหน่วยธุรกิจหนึ่ง แต่ในข้อนี้ มิได้หมายถึงภาคธุรกิจที่เป็นสมาชิกของสมาคม แต่หมายถึงภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น

ในขณะที่สมาชิกของสมาคมการค้าของคุณกำลังหมายตาไปยังลูกค้าของกิจการ ขณะเดียวกันหน่วยธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น ก็มองและหมายตาสมาชิกของสมาคมการค้าของคุณว่าเป็นกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะเข้าถึง

หรืออีกด้านหนึ่ง สมาคมของคุณอาจมีอะไรบางอย่างที่เป็นที่หมายตาของภาคธุรกิจอื่น เช่น ภาพลักษณ์, งานที่สมาคมกำลังทำ เป็นต้น

กรณีเช่นนี้ สมาคมของคุณอาจได้รับการสนับสนุนจากภาคธุรกิจนั้นได้ หากค้นพบกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากสมาขิกเรา หรือจากสิ่งที่เรามีหรือสิ่งที่เรากำลังทำ

4.บุคคลทั่วไป :
บุคคลทั่วไปก็สามารถสนับสนุนสมาคมการค้าได้แม้ว่าบุคคลนั้นจะไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของสมาคมการค้านั้น โดยที่สมาคมการค้าจัดกิจกรรมบางอย่างโดยมุ่งเป้าไปที่บุคคลทั่วไป อย่างไรก็ตาม บุคคลทั่วไปมักเป็นผูสนับสนุนทางอ้อม เช่นการที่สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย จัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มาออกร้านจำหน่ายหนังสือของตนเองแก่บุคคลทั่วไป เป็นต้น

5.ชุมชน :
ชุมชนในที่นี้ หมายความรวมทั้งชุมชนทางภูมิภาค ชุมชนทางวิชาชีพ หรือแม้กระทั่งชุมชนของอุตสาหกรรม

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ผู้ประกอบการแต่ละรายไม่ได้ถูกบังคับให้เป็นสมาชิกสมาคมการค้า ดังนั้นสมาชิกของสมาคมการค้าใดๆ จึงเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของผู้ประกอบการทั้งหมด ชุมชนของอุตสาหกรรมจึงมีมากกว่าจำนวนสมาชิกของสมาคมการค้านั้น สมาคมการค้าจึงมีทางเลือกที่จะขยายขอบเขตกลุ่มเป้าหมายให้กว้างกว่าขอบเขตสมาชิก เช่นการจัดอบรมสัมมนาที่มีการเก็บค่าสมัคร การขยายคุณสมบัติของผู้สมัครให้ครอบคลุมถึงผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก จะเป็นการเพิ่มขนาดกลุ่มเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้น

ทั้งหมดนี้ คือชุมชนที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างการสนับสนุน

6.องค์การไม่หวังผลกำไรอื่น :
องค์การไม่หวังผลกำไรแต่ละแห่ง ต่างก็มีพันธกิจของตนเอง และมีทรัพยากรที่แตกต่างกัน การสร้างความร่วมมือระหว่างองค์การฯ เพื่อสนับสนุนพันธกิจของกันและกัน เป็นการใช้ทรัพยากรที่องค์การหนึ่งมีอย่างอุดมสมบูรณ์ มาเติมเต็มความต้องการ และความจำเป็นของอีกองค์การหนึ่ง

ในด้านนี้ ให้เราขยายขอบเขตเมื่อคิดถึง “รายได้” ให้มากกว่าเงิน องค์การไม่หวังผลกำไร มิได้ต้องการเงินจำนวนมากๆมาเพื่อแบ่งปันกันในหมู่สมาชิก หรือผู้บริหาร แม้แต่สมาคมการค้าเองก็ไม่ได้ต้องการเงินมากๆ พันธกิจหลักของสมาคมการค้าคือการส่งเสริมการประกอบการของสมาชิก เงินเป็นเพียงทรัพยากร(ที่มีสภาพคล่องสูง)ที่ใช้ในการผลักดันกิจกรรมให้บรรลุวัตถุประสงค์

ดังนั้น หากองค์การไม่หวังผลกำไรอื่นมีทรัพยากรบางอย่าง อย่างอุดมสมบูรณ์พร้อมจะแจกจ่ายโดยไม่อิงกับราคาตลาด และอีกองค์การหนึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ก็เหมือนกับการค้นพบแหล่งพลังงานที่สามารถต่อเข้ากับระบบโดยที่คุณไม่ต้องไปแปลงผ่านตัวกลาง คุณไม่ต้องหารายได้อื่นมาเพื่อจ่ายเป็นค่าทรัพยากรนั้นเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมอีกทอดหนึ่ง

ถ้าคุณมีความสัมพันธ์กับสถาบันการศึกษาที่ต้องการสนับสนุนภาคเอกชน เพื่อใช้เป็น KPI ของหน่วยงาน ก็เป็นการลดความจำเป็นของสมาคมการค้าที่จะต้องสร้างรายได้จำนวนมากๆเพื่อจ้างที่ปรึกษาเอกชนสาขานั้นในราคาแพงๆ

หากสมาคมการค้ามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน จะมองเห็นโอกาสจากทรัพยากรที่อยู่กลาดเกลื่อน ที่สามารถใช้เติมเต็มกิจกรรมเพื่อผลักดันงานตามวัตถุประสงค์ ไม่หลงทางสาละวนอยู่กับกิจกรรมเพื่อสร้างรายได้เพียงอย่างเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่สมาคมการค้า หรือองค์การอื่นๆ ควรมีวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ของตัวเอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยามวิกฤต อย่าลืมทบทวนแหล่งรายได้ของสมาคมด้วย ว่ายังมีอยู่จริงหรือไม่

สมาคมต่างๆ เป็นหน่วยงานไม่หวังผลกำไร นั่นหมายถึง กิจกรรมหลักของแต่ละสมาคม ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อหวังผลกำไร หรือความมั่งคั่ง แต่รายรับก็เป็นสิ่งสำคัญของแต่ละสมาคม แม้แต่สมาคม หรือมูลธินิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการให้ก็ตาม 🔴  อย่าลืมว่า สมาคมเองก็มี Fixed Cost ของตัวเอง  🔴 ในเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากกระทบต่อการประกอบการของภาคธุรกิจ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่ New Normal แล้ว ยังอาจมีผลกระทบต่องบประมาณด้านรายรับของแต่ละสมาคมด้วย ลองทบทวนแหล่งรายรับของสมาคมดูว่า ในรายรับแหล่งต่างๆ อาจได้รับผลกระทบหรือไม่ อย่างไร ตัวอย่างเช่น 1. ค่าธรรมเนียมสมาชิก COVID-19 ทำให้ผู้ประกอบการในหลายๆธุรกิจต้องหยุดการดำเนินการ เช่น กลุ่มโรงแรม กลุ่มการท่องเที่ยว ถ้าสมาชิกของสมาคมของคุณอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ เป็นไปได้ว่า สมาชิกหลายรายอาจเลิกกิจการไป ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อค่าธรรมเนียมสมาชิกของสมาคมที่จะลดลง 2. การสนับสนุน หลายสมาคมมีสื่อของตัวเอง เช่น วารสาร เวบไซต์ สำหรับสื่อสารถึงสมาชิก และในสื่อนี้ สมาคมสามารถแทรกข่าวสารที่เป็นโฆษณาไปด้วย เพื่อแลกกับการสนับสนุน ซึ่งรายได้ส...

ภาษีเงินได้ของสมาคม สมาคมการค้า และมูลนิธิ

มูลนิธิ สมาคม และสมาคมการค้า จัดเป็นองค์การไม่แสวงหากำไร แต่ไม่ถือว่าเป็นองค์การที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จนกว่าจะได้รับการประกาศให้เป็นสถานสาธารณกุศลตามประมวลรัษฎากร มาตรา 47(7)(ข) องค์การไม่แสวงหากำไรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เหล่านี้ ต้องเสียภาษีเงินได้ โดยคำนวณจากเงินได้ที่ได้รับก่อนหักค่าใช้จ่าย เนื่องจากองค์การเหล่านี้ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่หวังผลกำไรอย่างหน่วยธุรกิจทั่วไป ด้งนั้น องค์การไม่หวังผลกำไรแม้จะมีรายได้ และรายจ่า ย แต่หลักในการคำนวณภาษีเงินได้ จะคำนวณจากฐานคือเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับอัตราภาษีขององค์การไม่หวังผลกำไรเหล่านี้ มีดังนี้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(1)-(7) อัตราภาษีอยู่ที่ 10% ของเงินได้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(8) เงินได้จากการพาณิชย์ อัตราภาษีอยู่ที่ 2% 🤞 🤞 🤞 ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้มารวมคำนวณภาษีใน 3 กรณีคือ 1. ค่าธรรมเนียม หรือค่าบำรุงที่เก็บจากสมาชิก 2. เงินบริจาค 3. เงินได้โดยเสน่หา วางแผนการจัดตั้งสมาคมของคุณให้สอดคล้องกับภาระภาษีด้วยนะ จะได้มีเงินไว้สร้างกิจกรรมตามวัตถุประสง...