ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

5 เหตุผลที่สมาคมการค้าต้องทำโมเดลธุรกิจของตัวเอง

สมาคมการค้า เป็นที่รวมของผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เพื่อสร้างความร่วมมือ โดยหวังผลจากพลังผนึกที่ให้ผลหนึ่งบวกหนึ่งที่มากกว่าสอง

แต่ในความเป็นจริงอาจไม่เป็นเหมือนดังที่คิด หลายๆสมาคมอาจกลายเป็นเพียงกลุ่มสังสรรค์นัดรับประทานอาหารกันตามโอกาส หรือแม้แต่กระทั่ง การดำเนินกิจกรรมของบางสมาคมการค้าที่เหมือนจะแข่งกับธุรกิจของสมาชิกโดยตรง

การทำโมเดลธุรกิจ เป็นคำตอบที่ช่วยให้สมาคมได้ทบทวนสิ่งที่กำลังทำอยู่

👉 โมเดลธุรกิจคืออะไร ?
โมเดลธุรกิจ คือโครงสร้างหรือแนวทางการทำงานของสมาคม ซึ่งในโมเดลธุรกิจจะบอกว่าสมาคมของคุณจะทำอะไร ให้กับใคร อย่างไร ด้วยทรัพยากรหรือความสามารถอะไร หลายๆหน่วยงานอาจจะคุ้นเคยกับแผนธุรกิจหรือแผนงานที่อาจมีการเปลี่ยนแผนบ่อยๆ แต่โมเดลธุรกิจของแต่ละหน่วยงานจะไม่เปลี่ยนโดยง่าย

👉 5 เหตุผลที่สมาคมการค้าต้องทำโมเดลธุรกิจของตัวเอง

1. ถ้าไม่ตอบสนองความต้องการของสมาชิก สมาคมจะสูญเสียฐานค้ำยัน
ทุกสมาคมการค้า มีสมาชิกเป็นรากฐานสำคัญที่ค้ำยันความจำเป็นของการมีสมาคมการค้านั้นๆ และสมาชิกก็หวังความช่วยเหลือหรือประโยชน์บางอย่างจากสมาคมการค้านั้น หากสมาคมไม่สามารถตอบสนองได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นสมาชิก เมื่อไม่มีสมาชิก สมาคมก็อยู่ไม่ได้

โมเดลธุรกิจของสมาคมการค้า จะบอกว่า สมาคมจะสร้างคุณค่าหรือประโยชน์อะไรให้สมาชิก จะทำออกมาในรูปแบบใด เมื่อสมาคมการค้ายึดโมเดลธุรกิจของตัวเอง เป็นแนวทางการทำงานอย่างเหนียวแน่น จะทำให้ไม่หลงทาง และรู้บทบาทของตัวเองเป็นอย่างดี

2. รู้แหล่งที่มาของรายได้เพื่อทำกิจกรรม
สมาคมที่รู้บทบาทของตัวเองที่ชัดเจน มักจะมาติดอยู่กับคำถามที่ว่า จะใช้เงินจากไหนในการทำกิจกรรมเพื่อส่งมอบคุณประโยชน์ตามแผนที่วางไว้ให้กับสมาชิก

รายได้หลักของสมาคมส่วนใหญ่คือค่าธรรมเนียมจากสมาชิก ซึ่งสมาชิกมักจะไม่ยินดี หากสมาคมจะขอเพิ่มค่าธรรมเนียมเหล่านี้

ในโมเดลธุรกิจของสมาคมการค้า นอกจากจะบอกถึงกิจกรรมที่จะทำแล้ว ยังบอกถึงที่มาของรายได้ และที่ไปของรายจ่าย เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานของสมาคมของคุณ ให้คุณสามารถส่งมอบคุณประโยชน์สู่สมาชิกได้ตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคมของคุณ

3. วัตถุประสงค์ของสมาคม ต่างจากธุรกิจ
ปัญหาหนึ่งที่มักพบในสมาคมการค้าที่บริหารโดยสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหาร คือผู้บริหารมักจะเน้นการหารายได้ บางครั้งถึงกับใช้ตัวเลขรายได้หรือกำไรในการวัดผลการบริหารสมาคมการค้าแบบเดียวกับที่ใช้วัดผลประกอบการธุรกิจ โดยลืมไปว่า สมาคมการค้าตั้งขึ้นเพื่อการช่วยเหลือสมาชิก รายได้ที่เกิดขึ้น มีไว้เพื่อสนับสนุนการทำกิจกรรมในการส่งมอบคุณค่าแก่สมาชิก

หากยึดมั่นในพันธกิจในโมเดลธุรกิจของสมาคมการค้า จะช่วยให้ไม่สับสนระหว่างสองบทบาทของผู้ดำรงตำแหน่งบริหารของสมาคมการค้านั้น

4. ระบบนิเวศน์ของสมาคมการค้า จะต่างจากสมาชิก
สมาคมการค้า ถือเป็นนิติบุคคลหน่วยหนึ่ง แม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คล้ายกับสมาชิก แต่ก็มีความแตกต่างกัน

สมาคมการค้ามีระบบนิเวศน์ที่เป็นภาพใหญ่ ภาพกว้างมากกว่าสมาชิก ที่เน้นเชิงลึก และรายละเอียดของธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้การวิเคราะห์จุดเด่น-ด้อย-โอกาส-สิ่งท้าทาย หรือ SWOT Analysis ของสมาคมการค้า แตกต่างจากธุรกิจสมาชิก แม้กระทั่งอาจมองเรื่องเดียวกันเป็นคนละด้าน วิกฤติของสมาชิก อาจกลายเป็นโอกาสของสมาคมการค้าก็ได้

เมื่อคุณมีโมเดลธุรกิจของสมาคมการค้า จะทำให้คุณมีมุมมองต่อสภาพแวดล้อมในอีกแบบหนึ่ง ทำให้คว้าโอกาส และนำสมาชิกหลีกเลี่ยงวิกฤติ ด้วยจุดเด่นจุดด้อยของสมาคมการค้า

5. รู้จักอาวุธทุกชิ้นในคลังของสมาคม
เนื่องจากบทบาทหน้าที่ของสมาคมการค้า แตกต่างจากธุรกิจของสมาชิก เครื่องมือที่ใช้จึงแตกต่างออกไป และในทุกๆสมาคมจะมีทรัพยากรของตัวเองในแบบที่หากคุณมองในมุมของธุรกิจ คุณอาจรู้สึกว่ามันคือขยะ แต่ในมุมของสมาคม ทรัพยากรนั้นอาจเป็นอาวุธลับ หรือกุญแจแห่งความอยู่รอดของสมาชิกก็ได้

การทำโมเดลธุรกิจของสมาคมการค้า เปิดโอกาสให้คุณกลับมารื้อของในห้องเก็บของ แล้วประเมินคุณค่าของมันใหม่ ด้วยมุมมองของผู้บริหารสมาคมการค้า ไม่ใช่แบบผู้ประกอบการ โดยดูความสอดคล้องและโอกาสในการใช้งาน เมื่อพิจารณาจากโมเดลธุรกิจของสมาคมการค้าของคุณ ทำให้คุณไม่เผลอทิ้งขว้างทรัพยากรสำคัญไป

เมื่อสมาคมของคุณมีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจนแล้ว คุณจะค่อยๆเห็นรายละเอียดต่างๆที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การทำงานของสมาคม ไม่หลงออกนอกเส้นทาง สามารถส่งมอบคุณค่าสู่สมาชิกโดยส่วนรวม เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสมาคมของคุณ

#สมาคมการค้า
#โมเดลธุรกิจ
#สมาคมการค้าดีเด่น
#บริหารสมาคมการค้า
#ที่ปรึกษา
#BusinessModel

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

6 แหล่งรายได้ของสมาคม

สมาคมการค้าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องขนาดงบประมาณที่จะใช้ในการผลักดันกิจกรรมของสมาคม ครั้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจากสมาชิก สมาขิกก็มักจะไม่ยินยอมให้เก็บเพิ่ม สมาคมการค้าจึงมักจะต้องใช้วิธีปรับลดกิจกรรมตามแผนงานลง ปัญหาเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับองค์การที่ไม่หวังผลกำไรอื่นประเภทที่เน้นบทบาทของสมาชิกด้วย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดีๆ สมาชิกไม่ใช่แหล่งรายได้เดียวของสมาคมการค้า เมื่อจำแนกรายได้ของสมาคม จากเจ้าของเงิน เราสามารถแบ่งได้เป็น 1.สมาชิก :  สมาชิกเป็นแหล่งรายได้แรกๆที่สมาคมจะคิดถึง อย่างไรก็ตาม สมาคมสามารถได้รับรายได้จากสมาชิก ไม่เพียงแต่ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมเท่านั้น สมาคมยังสามารถสร้างสรรค์บริการอื่นที่ตรงใจสมาชิก เพื่อรับค่าบริการเป็นการตอบแทน เช่นการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของสมาชิก, การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สมาชิก เป็นต้น 2.ภาครัฐ :  องค์การไม่หวังผลกำไร เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไม่สามารถดูแลงานภาคสังคมได้ทั่วถึง จึงเกิดการรวมตัวกันของชุมชนเข้ามาช่วยจัดการแทนภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐจึงสนับสนุนงบประมาณและอื่นๆ เป็นการตอบแทนการทำหน้าที่แทนรัฐบาลขององค์การไม่แ...

ยามวิกฤต อย่าลืมทบทวนแหล่งรายได้ของสมาคมด้วย ว่ายังมีอยู่จริงหรือไม่

สมาคมต่างๆ เป็นหน่วยงานไม่หวังผลกำไร นั่นหมายถึง กิจกรรมหลักของแต่ละสมาคม ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อหวังผลกำไร หรือความมั่งคั่ง แต่รายรับก็เป็นสิ่งสำคัญของแต่ละสมาคม แม้แต่สมาคม หรือมูลธินิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการให้ก็ตาม 🔴  อย่าลืมว่า สมาคมเองก็มี Fixed Cost ของตัวเอง  🔴 ในเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากกระทบต่อการประกอบการของภาคธุรกิจ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่ New Normal แล้ว ยังอาจมีผลกระทบต่องบประมาณด้านรายรับของแต่ละสมาคมด้วย ลองทบทวนแหล่งรายรับของสมาคมดูว่า ในรายรับแหล่งต่างๆ อาจได้รับผลกระทบหรือไม่ อย่างไร ตัวอย่างเช่น 1. ค่าธรรมเนียมสมาชิก COVID-19 ทำให้ผู้ประกอบการในหลายๆธุรกิจต้องหยุดการดำเนินการ เช่น กลุ่มโรงแรม กลุ่มการท่องเที่ยว ถ้าสมาชิกของสมาคมของคุณอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ เป็นไปได้ว่า สมาชิกหลายรายอาจเลิกกิจการไป ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อค่าธรรมเนียมสมาชิกของสมาคมที่จะลดลง 2. การสนับสนุน หลายสมาคมมีสื่อของตัวเอง เช่น วารสาร เวบไซต์ สำหรับสื่อสารถึงสมาชิก และในสื่อนี้ สมาคมสามารถแทรกข่าวสารที่เป็นโฆษณาไปด้วย เพื่อแลกกับการสนับสนุน ซึ่งรายได้ส...

ภาษีเงินได้ของสมาคม สมาคมการค้า และมูลนิธิ

มูลนิธิ สมาคม และสมาคมการค้า จัดเป็นองค์การไม่แสวงหากำไร แต่ไม่ถือว่าเป็นองค์การที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จนกว่าจะได้รับการประกาศให้เป็นสถานสาธารณกุศลตามประมวลรัษฎากร มาตรา 47(7)(ข) องค์การไม่แสวงหากำไรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เหล่านี้ ต้องเสียภาษีเงินได้ โดยคำนวณจากเงินได้ที่ได้รับก่อนหักค่าใช้จ่าย เนื่องจากองค์การเหล่านี้ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่หวังผลกำไรอย่างหน่วยธุรกิจทั่วไป ด้งนั้น องค์การไม่หวังผลกำไรแม้จะมีรายได้ และรายจ่า ย แต่หลักในการคำนวณภาษีเงินได้ จะคำนวณจากฐานคือเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับอัตราภาษีขององค์การไม่หวังผลกำไรเหล่านี้ มีดังนี้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(1)-(7) อัตราภาษีอยู่ที่ 10% ของเงินได้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(8) เงินได้จากการพาณิชย์ อัตราภาษีอยู่ที่ 2% 🤞 🤞 🤞 ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้มารวมคำนวณภาษีใน 3 กรณีคือ 1. ค่าธรรมเนียม หรือค่าบำรุงที่เก็บจากสมาชิก 2. เงินบริจาค 3. เงินได้โดยเสน่หา วางแผนการจัดตั้งสมาคมของคุณให้สอดคล้องกับภาระภาษีด้วยนะ จะได้มีเงินไว้สร้างกิจกรรมตามวัตถุประสง...