ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สมาคมของคุณมีทฤษฎีธุรกิจอย่างไร

ทฤษฎีธุรกิจ Business Theory ในความหมายของ Peter F. Drucker คือสมมุติฐานสามเรื่องที่เป็นพื้นฐานในการดำเนินการของทุกองค์กร หรือแม้แต่กระทั่งปัจเจกชนแต่ละคน ประกอบด้วย 1. สมมุติฐานเรื่องสิ่งแวดล้อม  2. พันธกิจ หรือสิ่งที่ทำ  และ 3. คือความสามารถหลัก

สมมุติว่า คุณบอกตัวเองว่างานของคุณคืดการรดน้ำต้นไม้ นั่นคือพันธกิจของคุณ แต่ถ้าคุณกำลังพยายามรดน้ำในห้องรับแขก นั่นคือพันธกิจของคุณไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ถ้าแต่สภาพแวดล้อมของคุณเป็นสนามกอล์ฟขนาดสิบแปดหลุม โดยที่มีแค่ตัวคุณคนเดียวกับถังน้ำฝักบัวถังนึง นั่นก็คือความสามารถหลักของคุณไม่ถึง คุณไม่มีทางจะทำพันธกิจของคุณให้สำเร็จโดยดี ด้วยความสามารถหลักเพียงแค่นี้

สามสิ่งนี้ต้องสอดคล้องกัน งานขององค์การจึงจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ทุกองค์การ ทุกสมาคม จะมีทฤษฎีธุรกิจของตัวเองอยู่ แม้ว่าจะไม่เป็นลายลักษณ์อักษรก็ตาม

และด้วยความที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษรให้เราเห็นชัดเจน เราจึงไม่ค่อยเห็นถึงความไม่สอดคล้องกันที่เกิดขึ้น

ทุกวันนี้ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว สิบปีที่แล้ว คนกลัวการซื้อของผ่านเวบไซต์ แต่ทุกวันนี้ธุรกรรมออนไลน์เข้าแทนที่การเดินไปซื้อของที่หน้าร้าน หรือพฤติกรรมการอ่านหนังสือ ถูกแทนที่ด้วยการอ่านออนไลน์ต่างๆ จนสิ่งพิมพ์ต่างๆเริ่มคิดถึงวันสุดท้ายของธุรกิจหากไม่สามารถปรับตัวได้ทัน

ถ้าสมาคมคุณมีรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าสปอนเซอร์ในวารสารของสมาคม ก็ใกล้ถึงเวลาบอกลารายได้ส่วนนี้เต็มทีละ ตัวอย่างก็เห็นได้จากธุรกิจสิ่งพิมพ์ทั่วไป

ถ้าคุณกำหนดพันธกิจของคุณว่า เป็นตัวแทนของสมาชิกในการเจรจากับภาครัฐเพื่อแก้ไขการกำกับดูแล ในขณะที่สมาชิกกำลังถูกคุกคามจากการแข่งขัน และจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ก็เหมือนกับคุณพยายามจะชกกับกรรมการบนเวที แทนที่จะต่อสู้กับนักมวยอีกฝ่ายหนึ่ง

ความล้มเหลวของธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ไม่ใช่ผิดที่ "How to do" แต่มักจะพลาดที่ "What to do" ต่างหาก

การเสียทรัพยากรไปในการทำสิ่งที่ไม่สมควรทำ และละเลยการทำในสิ่งที่สมควรจะทำ สักพักคุณก็จะไม่มีทรัพยากรเหลือให้ทำอะไรอีก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่สมควรทำ เหมือนยักษ์ที่ล้มไปตัวแล้วตัวเล่า

องค์การ (Organization) ของคุณก็เหมือนกัน คุณเลยลองสำรวจดูหรือไม่ว่า กำลังพยายามทำสิ่งไร้ประโยชน์อยู่หรือเปล่า

ถึงเวลาต้องทบทวนทฤษฎีทางธุรกิจของหน่วยงานของคุณแล้วล่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

6 แหล่งรายได้ของสมาคม

สมาคมการค้าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องขนาดงบประมาณที่จะใช้ในการผลักดันกิจกรรมของสมาคม ครั้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจากสมาชิก สมาขิกก็มักจะไม่ยินยอมให้เก็บเพิ่ม สมาคมการค้าจึงมักจะต้องใช้วิธีปรับลดกิจกรรมตามแผนงานลง ปัญหาเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับองค์การที่ไม่หวังผลกำไรอื่นประเภทที่เน้นบทบาทของสมาชิกด้วย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดีๆ สมาชิกไม่ใช่แหล่งรายได้เดียวของสมาคมการค้า เมื่อจำแนกรายได้ของสมาคม จากเจ้าของเงิน เราสามารถแบ่งได้เป็น 1.สมาชิก :  สมาชิกเป็นแหล่งรายได้แรกๆที่สมาคมจะคิดถึง อย่างไรก็ตาม สมาคมสามารถได้รับรายได้จากสมาชิก ไม่เพียงแต่ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมเท่านั้น สมาคมยังสามารถสร้างสรรค์บริการอื่นที่ตรงใจสมาชิก เพื่อรับค่าบริการเป็นการตอบแทน เช่นการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของสมาชิก, การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สมาชิก เป็นต้น 2.ภาครัฐ :  องค์การไม่หวังผลกำไร เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไม่สามารถดูแลงานภาคสังคมได้ทั่วถึง จึงเกิดการรวมตัวกันของชุมชนเข้ามาช่วยจัดการแทนภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐจึงสนับสนุนงบประมาณและอื่นๆ เป็นการตอบแทนการทำหน้าที่แทนรัฐบาลขององค์การไม่แสวงหากำไร

เหตุผลที่ภาครัฐนิยมติดต่อกับสมาคมการค้า

จุดเริ่มต้นของสมาคมการค้าจำนวนมาก มักก่อตัวจากกการมีความสนใจหรือปัญหาร่วมกัน จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มเครือข่าย หรือชมรมฯ และเมื่อผ่านการทำกิจกรรมติดต่อกับภาครัฐระยะหนึ่ง กลุ่มเครื่อข่ายนั้น มักได้รับคำแนะนำจากภาครัฐ ให้ดำเนินการจัดตั้งเป็นสมาคมการค้า ในด้านหนึ่งก็เพื่อให้กลุ่มเครือข่ายนั้นมีตัวตนตามกฏหมายเป็นนิติบุคคลหนึ่งที่ภาครัฐจะติดต่อทำธุรกรรมได้เป็นกิจจะลักษณะ อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุผลอื่นอีก โดยเฉพาะสมาคมการค้าที่ผ่านการจัดตั้งระยะหนึ่ง มีกลไกการทำงานของตัวเองแล้ว และนี่คือเหตุผลที่ภาครัฐนิยมในการติดต่อกับสมาคมการค้า 👉 เป็นตัวแทนของหน่วยจ้างงานของประเทศ สมาคมการค้าเป็นตัวแทนของสมาชิกผู้ประกอบการ ที่เป็นหน่วยย่อยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงานทั่วไป จึงมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมธุรกิจ ให้มีการลงทุน ให้เกิดการจ้างงาน ประชาชนมีงานทำ มีการใช้จ่าย ธุรกิจจึงจะดำเนินต่อไปได้อันเป็นที่มาของภาษีที่รัฐจัดเก็บ ภาครัฐจึงอาศัยสมาคมการค้าที่เป็นตัวแทนผู้ประกอบการ เป็นช่องทางหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของภาครัฐได้ 👉 เป็นคู่เจรจาที่น่าเชื่อถ

แนวทางในการพัฒนาสมาคมการค้า

สมาคมการค้า จัดเป็นองค์การที่ไม่หวังผลกำไร ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการประกอบการของสมาชิก อย่างไรก็ตาม คุณค่าของสมาคมการค้า มิได้มีเพียงต่อผู้ประกอบการเท่านั้น สมาคมการค้ายังมีความรับผิดชอบต่อสังคม สมาคมการค้าจึงต้องจัดสมดุลระหว่างประโยชน์ของสมาชิกและสังคมส่วนรวมด้วย เพราะสังคมส่วนรวมก็คือลูกค้าของสมาชิก คือสภาพแวดล้อม หรือระบบนิเวศน์ของการประกอบการของสมาชิก แม้ว่าสมาชิกแต่ละรายอาจมิได้คำนึงถึง แต่สมาคมการค้าต้องคิดถึงผลกระทบเหล่านี้ด้วย กรรมการสมาคมการค้า จึงต้องมองภาพใหญ่กว่าสมาชิกแต่ละราย ต้องมองให้เห็นถึงระดับมหภาค นอกจากนี้ ภาครัฐนิยมขับเคลื่อนนโยบาย หรือโครงการบางอย่างผ่านสมาคมการค้า เพราะสมาคมการค้าเป็นการรวมตัว และเป็นตัวแทนของเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ในหลายๆครั้ง หลายๆโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จ สาเหตุหนึ่งมาจากปัญหาเรื่องความไม่เข้มแข็งของสมาคมการค้านั้น ความเข้มแข็งของสมาคมการค้า สะท้อนออกมาในรูปของการจูงใจให้สมาชิกกระทำการบางอย่าง ที่สมาชิกไม่ยอมกระทำในสถานการณ์ปกติ หากสมาคมการค้าไม่เข้มแข็งเพียงพอ ก็ไม่สามารถชักจูงสมาชิกให้ทำเรื่องยากๆ การพัฒ