มูลนิธิ สมาคม และสมาคมการค้า จัดเป็นองค์การไม่แสวงหากำไร แต่ไม่ถือว่าเป็นองค์การที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จนกว่าจะได้รับการประกาศให้เป็นสถานสาธารณกุศลตามประมวลรัษฎากร มาตรา 47(7)(ข) องค์การไม่แสวงหากำไรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เหล่านี้ ต้องเสียภาษีเงินได้ โดยคำนวณจากเงินได้ที่ได้รับก่อนหักค่าใช้จ่าย เนื่องจากองค์การเหล่านี้ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่หวังผลกำไรอย่างหน่วยธุรกิจทั่วไป ด้งนั้น องค์การไม่หวังผลกำไรแม้จะมีรายได้ และรายจ่า ย แต่หลักในการคำนวณภาษีเงินได้ จะคำนวณจากฐานคือเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับอัตราภาษีขององค์การไม่หวังผลกำไรเหล่านี้ มีดังนี้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(1)-(7) อัตราภาษีอยู่ที่ 10% ของเงินได้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(8) เงินได้จากการพาณิชย์ อัตราภาษีอยู่ที่ 2% 🤞 🤞 🤞 ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้มารวมคำนวณภาษีใน 3 กรณีคือ 1. ค่าธรรมเนียม หรือค่าบำรุงที่เก็บจากสมาชิก 2. เงินบริจาค 3. เงินได้โดยเสน่หา วางแผนการจัดตั้งสมาคมของคุณให้สอดคล้องกับภาระภาษีด้วยนะ จะได้มีเงินไว้สร้างกิจกรรมตามวัตถุประสง...
สมาคม สมาคมการค้า มูลนิธิ และชมรมต่างๆ ตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างที่ไม่ใช่เพื่อหวังเอากำไรมาแบ่งปันกัน มูลนิธิ มักก่อตั้งเพื่อจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สาธารณะ สมาคมมักตั้งขึ้นเพื่อกระทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกันอย่างต่อเนื่อง สมาคมการค้าก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการประกอบการของสมาชิก เป็นต้น การบริหารหน่วยงานไม่หวังผลกำไรเหล่านี้ มีความแตกต่างจากการบริหารหน่วยธุรกิจหลายอย่าง จึงต้องอาศัยชุดความคิดอีกแบบหนึ่งที่แตกต่างจากการบริหารธุรกิจ