ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

6 เหตุผลที่ควรจัดตั้งเป็นสมาคม แทนการรวมกลุ่มไม่เป็นทางการ

หากคุณกำลังรวมกลุ่มทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อส่วนรวม
ช่วงเริ่มต้น คุณอาจวางแผนเพียงแค่ว่า มันอาจจะเป็นการรวมตัวกันระยะสั้น เมื่อจบกิจกรรมก็จะแยกย้ายกัน
แต่เมื่อกิจกรรมดำเนินไประยะนึง คุณกลับพบว่า มันจะเป็นประโยชน์มากกว่า หากจะทำกิจกรรมนี้สืบเนื่องต่อไปอีก โดยไม่คิดว่าจะยุบกลุ่มแยกย้ายในเร็ววันนี้
ถึงตอนนี้ คุณเริ่มคิดถึงการจัดตั้งกลุ่มให้มีความถาวร และนี่คือ 6 เหตุผลที่คุณควรจัดตั้งกลุ่ม ให้เป็นสมาคม หรือสมาคมการค้า
1. เป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้บริหาร
เมื่อจดทะเบียนเป็นสมาคม หรือสมาคมการค้าแล้ว สมาคมนั้นๆ จะมีสถานะเป็นนิติบุคคล คือเป็นบุคคลตามกฎหมายที่แยกต่างหากจากผู้บริหาร สมาคมจึงสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ สินทรัพย์นั้นจะใช้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกโดยรวม ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ในขณะเดียวกัน สมาคมก็สามารถเป็นหนี้ได้ หนี้ของสมาคมก็แยกต่างหากจากตัวผู้บริหารเช่นกัน
การเป็นสมาคม มักจะเกิดผลอีกด้านหนึ่งคือ เมื่อการรวมกลุ่มมีความมั่นคง จึงมักทำให้ผู้บริหารและสมาชิกเริ่มคิดถึงอนาคตระยะยาว เริ่มคาดหวังให้สมาคมมีแผนงานระยะยาวในการสร้างกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสมาชิก
นอกจากนี้ การเป็นนิติบุคคลยังทำให้ได้รับการยอมรับจากบุคคลภายนอก มากกว่าจะรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมในนามส่วนตัว ซึ่งทำให้บุคคลภายนอกขาดความเชื่อมั่นว่า องค์กรของเรานั้น อาจล้มเลิกไปเมื่อไหร่ก็ได้
ความที่เป็นนิติบุคคล จึงเป็นที่รับรู้การมีตัวตนในสายตาภาครัฐ จึงทำให้มีฐานะเป็นตัวแทนสมาชิก เป็นคู่เจรจากับภาครัฐ ซึ่งภาครัฐชอบที่จะเจรจากับตัวแทนโดยชอบธรรมของภาคธุรกิจ มากกว่าจะต้องเจรจากับหน่วยธุรกิจทีละราย
2. เป็นองค์การที่ไม่แสวงผลกำไร
การเป็นองค์การที่ไม่แสวงผลกำไร ทำให้ได้รับการยอมรับที่แตกต่างไปจากการติดต่อกับหน่วยธุรกิจ ทั้งนี้เพราะองค์การที่ไม่แสวงผลกำไร แม้แต่สมาคมการค้าเอง ต่างก็มิได้ทำเพื่อแสวงประโยชน์มาแบ่งปันกัน แต่จะทำพันธกิจเพื่อส่วนรวม ดังนั้น เงื่อนไขที่ได้จากคู่เจรจา จึงแตกต่างไปจากเงื่อนไปที่เจรจาแบ่งผลประโยชน์กันของหน่วยธุรกิจด้วยกัน มีความยืดหยุ่นผ่อนปรนมากกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพลักษณ์ของการเป็นสมาคม จะเริ่มต้นในด้านบวก แต่หากผู้บริหารสมาคม มิได้บริหารภาพลักษณ์ของสมาคมด้วย ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของสมาคมนั้น อาจติดลบในสายตาของผู้เกี่ยวข้อง ผู้บริหารสมาคม ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า พันธกิจของสมาคม ต่างไปจากพันธกิจของสมาชิก แม้ว่าสมาคมจะทำเพื่อสมาชิก แต่พันธกิจนั้นแตกต่างกัน พันธกิจของสมาชิก อาจมุ่งไปที่ผลกำไร แต่พันธกิจของสมาคม แม้ว่าจะเอื้อให้สมาชิกสร้างผลกำไร แต่ต้องไม่ลืมว่า ภาพลักษณ์โดยรวมก็มีผลต่อการสร้างผลกำไร สมาคมจึงต้องถ่วงดุลระหว่างผลประโยชน์ของสมาชิก และสังคม ให้เหมาะสม
3. ทำให้เกิดพลังผนึกได้ง่าย
การรวมกลุ่มกันทุกรูปแบบ ล้วนหวังให้เกิดพลังที่มากกว่าการดำเนินการด้วยคนทีละคน เราหวังพลังที่มากกว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง แต่การรวมกลุ่มกันในรูปบุคคลธรรมดา ทำให้เกิดข้อแคลงใว่า ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นเบื้องต้น จะอยู่ในชื่อใคร ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น จะอยู่ในชื่อใคร ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ทำให้คนทิ้งกลุ่มไปมาก เพราะความไม่ชัดเจนนี้ แต่เมื่อเป็นนิติบุคคลแล้ว สมาคมนั้นๆย่อมเป็นผู้รับประโยชน์ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น สมาชิกจึงมีหน้าที่เพียงผลักดันให้ผู้บริหาร ดำเนินการไปเพื่อประโยชน์ของสมาชิกโดยส่วนรวม
4. ช่วยขยายเครือข่ายข้ามอุตสาหกรรม
ธุรกิจทุกวันนี้ จะไม่ได้หยุดนิ่งขีดวงการมีปฏิสัมพันธ์ช่วยเหลือกันเฉพาะในอุตสาหกรรมเดียวกันแล้ว การสร้างความสัมพันธ์ข้ามอุตสาหกรรม ทำให้เกิดพลังมากขึ้น เกิดความแปลกใหม่ในสินค้าและบริการ
การมีสมาคมที่เป็นตัวแทนสมาชิก ในการเจรจาสร้างความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรม ทำให้เกิดความมั่นใจ ทั้งในด้านขนาดผลตอบรับที่จะเกิดขึ้น และด้านความจริงจังของความร่วมมือ เพราะผมที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือ ไม่ได้เกิดจาก หนึ่งกิจการ กับอีกหนึ่งกิจการ แต่เป็นหลายๆกิจการในอุตสาหกรรมแรก ร่วมกับหลายๆกิจการในอุตสาหกรรมที่สอง จึงมีขนาดของผลกระทบที่ใหญ่กว่า
5. กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรม
สมาคมฯ จะมีพันธกิจและมุมมองที่เป็นมหภาคมากกว่าสมาชิก สมาชิกอาจมุ่งผลกำไรในปัจจุบัน แต่สมาคมฯจะมองไกลไปถึงอนาคต การสวมหมวกผู้บริหารสมาคม ทำให้ต้องปรับวิสัยทัศน์ และสร้างพันธกิจที่ต่างไปจากสมาชิก ซึ่งความเป็นนิติบุคคลทำให้ได้รับการยอมรับ และให้ความร่วมมือต่อพันธกิจนี้ได้ง่ายกว่าการทำในนามของกลุ่มผลประโยชน์หลวมๆ
นอกจากนี้ สมาคมยังมีหน้าที่สร้างบรรยาศที่เอื้อต่อการทำกิจกรรมของสมาชิกในปัจจุบันอีกด้วย
6. เป็นงานที่สองสำหรับผู้ประกอบการที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารสมาคม
การจัดตั้งเป็นสมาคม คือการเปิดทางให้ผู้ประกอบการที่เจียดเวลามาเป็นผู้บริหารสมาคม ได้มีเส้นทางเติบโตให้ไกลไปกว่าธุรกิจของตนเอง เพราะงานของสมาคมฯ มีความเป็นมหภาค เป็นภาพกว้างกว่าการประกอบธุรกิจ จึงเปิดโอกาสให้ ติดต่อกับคนในอีกแวดวงหนึ่ง ในตำแหน่งที่เป็นตัวแทนของสมาชิก
นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมจึงควรรวมตัวเป็นสมาคม มากกว่าจะรวมตัวอย่างหลวมๆเป็นกลุ่ม หรือชมรมเท่านั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

6 แหล่งรายได้ของสมาคม

สมาคมการค้าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องขนาดงบประมาณที่จะใช้ในการผลักดันกิจกรรมของสมาคม ครั้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจากสมาชิก สมาขิกก็มักจะไม่ยินยอมให้เก็บเพิ่ม สมาคมการค้าจึงมักจะต้องใช้วิธีปรับลดกิจกรรมตามแผนงานลง ปัญหาเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับองค์การที่ไม่หวังผลกำไรอื่นประเภทที่เน้นบทบาทของสมาชิกด้วย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดีๆ สมาชิกไม่ใช่แหล่งรายได้เดียวของสมาคมการค้า เมื่อจำแนกรายได้ของสมาคม จากเจ้าของเงิน เราสามารถแบ่งได้เป็น 1.สมาชิก :  สมาชิกเป็นแหล่งรายได้แรกๆที่สมาคมจะคิดถึง อย่างไรก็ตาม สมาคมสามารถได้รับรายได้จากสมาชิก ไม่เพียงแต่ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมเท่านั้น สมาคมยังสามารถสร้างสรรค์บริการอื่นที่ตรงใจสมาชิก เพื่อรับค่าบริการเป็นการตอบแทน เช่นการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของสมาชิก, การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สมาชิก เป็นต้น 2.ภาครัฐ :  องค์การไม่หวังผลกำไร เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไม่สามารถดูแลงานภาคสังคมได้ทั่วถึง จึงเกิดการรวมตัวกันของชุมชนเข้ามาช่วยจัดการแทนภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐจึงสนับสนุนงบประมาณและอื่นๆ เป็นการตอบแทนการทำหน้าที่แทนรัฐบาลขององค์การไม่แสวงหากำไร

เหตุผลที่ภาครัฐนิยมติดต่อกับสมาคมการค้า

จุดเริ่มต้นของสมาคมการค้าจำนวนมาก มักก่อตัวจากกการมีความสนใจหรือปัญหาร่วมกัน จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มเครือข่าย หรือชมรมฯ และเมื่อผ่านการทำกิจกรรมติดต่อกับภาครัฐระยะหนึ่ง กลุ่มเครื่อข่ายนั้น มักได้รับคำแนะนำจากภาครัฐ ให้ดำเนินการจัดตั้งเป็นสมาคมการค้า ในด้านหนึ่งก็เพื่อให้กลุ่มเครือข่ายนั้นมีตัวตนตามกฏหมายเป็นนิติบุคคลหนึ่งที่ภาครัฐจะติดต่อทำธุรกรรมได้เป็นกิจจะลักษณะ อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุผลอื่นอีก โดยเฉพาะสมาคมการค้าที่ผ่านการจัดตั้งระยะหนึ่ง มีกลไกการทำงานของตัวเองแล้ว และนี่คือเหตุผลที่ภาครัฐนิยมในการติดต่อกับสมาคมการค้า 👉 เป็นตัวแทนของหน่วยจ้างงานของประเทศ สมาคมการค้าเป็นตัวแทนของสมาชิกผู้ประกอบการ ที่เป็นหน่วยย่อยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงานทั่วไป จึงมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมธุรกิจ ให้มีการลงทุน ให้เกิดการจ้างงาน ประชาชนมีงานทำ มีการใช้จ่าย ธุรกิจจึงจะดำเนินต่อไปได้อันเป็นที่มาของภาษีที่รัฐจัดเก็บ ภาครัฐจึงอาศัยสมาคมการค้าที่เป็นตัวแทนผู้ประกอบการ เป็นช่องทางหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของภาครัฐได้ 👉 เป็นคู่เจรจาที่น่าเชื่อถ

แนวทางในการพัฒนาสมาคมการค้า

สมาคมการค้า จัดเป็นองค์การที่ไม่หวังผลกำไร ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการประกอบการของสมาชิก อย่างไรก็ตาม คุณค่าของสมาคมการค้า มิได้มีเพียงต่อผู้ประกอบการเท่านั้น สมาคมการค้ายังมีความรับผิดชอบต่อสังคม สมาคมการค้าจึงต้องจัดสมดุลระหว่างประโยชน์ของสมาชิกและสังคมส่วนรวมด้วย เพราะสังคมส่วนรวมก็คือลูกค้าของสมาชิก คือสภาพแวดล้อม หรือระบบนิเวศน์ของการประกอบการของสมาชิก แม้ว่าสมาชิกแต่ละรายอาจมิได้คำนึงถึง แต่สมาคมการค้าต้องคิดถึงผลกระทบเหล่านี้ด้วย กรรมการสมาคมการค้า จึงต้องมองภาพใหญ่กว่าสมาชิกแต่ละราย ต้องมองให้เห็นถึงระดับมหภาค นอกจากนี้ ภาครัฐนิยมขับเคลื่อนนโยบาย หรือโครงการบางอย่างผ่านสมาคมการค้า เพราะสมาคมการค้าเป็นการรวมตัว และเป็นตัวแทนของเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ในหลายๆครั้ง หลายๆโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จ สาเหตุหนึ่งมาจากปัญหาเรื่องความไม่เข้มแข็งของสมาคมการค้านั้น ความเข้มแข็งของสมาคมการค้า สะท้อนออกมาในรูปของการจูงใจให้สมาชิกกระทำการบางอย่าง ที่สมาชิกไม่ยอมกระทำในสถานการณ์ปกติ หากสมาคมการค้าไม่เข้มแข็งเพียงพอ ก็ไม่สามารถชักจูงสมาชิกให้ทำเรื่องยากๆ การพัฒ