ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

3 ปัจจัยของความเข้มแข็งของสมาคมการค้า

สมาคมการค้าที่เข้มแข็ง แสดงออกด้วยความสามารถในการชักจูงให้สมาชิกกระทำการใดๆก็ตาม ที่โดยปกติสมาชิกไม่คิดจะกระทำ นั่นเป็นเพราะสมาคมการค้านั้นๆมีพลังบางอย่างที่สมาชิกไม่อาจขัดขืน ไม่ว่าจะเป็นพลังด้านบวกหรือพลังด้านลบก็ตาม แต่ก็มีผลในการขับเคลื่อนสมาชิกทั้งหมดให้ไปในทิศทางที่สมาคมการค้านั้นต้องการได้
หากจะวิเคราะห์ลักษณะร่วมที่สามาคมการค้าที่เข้มแข็งเหล่านี้ พบว่า สมาคมการค้าที่เข้มแข็งเหล่านี้จะมีลักษณะดังต่อไปนี้ อย่างน้อยหนึ่งอย่างในแต่ละสมาคม คือ
1. ความหนาแน่นของสมาชิก คือ สมาคมการค้านั้น จะมีจำนวนสมาชิกเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงของจำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนั้น หรือสมาชิกมีผลิตภาพเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงครอบคลุมผลิตภาพทั้งหมดของอุตสาหกรรม สมาคมที่มีความหนาแน่นของสมาชิกมาก ย่อมมีความเป็นตัวแทนของสมาชิกได้อย่างเต็มภาคภูมิในการติดตาอกับหน่วยงานภายนอก
2. สร้างประโยชน์ที่เป็นที่ต้องการแก่สมาชิก การที่ผู้ประกอบการธุรกิจหนึ่งๆ จะเข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคมการค้านั้น ย่อมหวังประโยชน์บางอย่างจากสมาคมการค้านั้น หากประโยชน์ที่สมาคมการค้านั้นมอบให้นั้น นอกจากจะเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการแล้ว ยังมีความจำกัดเฉพาะสมาชิกเท่านั้นด้วย จะยิ่งทำให้สมาชิกภาพ เป็นสิ่งมีค่าสำหรับสมาชิก ดังนี้ สมาคมการค้านั้นจึงมีอำนาจเหนือสมาชิกในการชักจูงใจให้สมาชิกดำเนินการบางอย่างได้
3. การไกล่เกลี่ยผลประโยชน์ที่เป็นธรรม สมาชิกของสมาคมการค้า คือผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน จึงมีสภาพเป็นคู่กันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว การมาอยู่รวมกันภายใต้ชายคาของสมาบคมเดียวกัน จึงเป็นการรวมกันของคู่แข่ง ซึ่งมีการขัดแย้งผลประโยชน์กันอยู่ การที่สมาคมการค้าสามารถเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งอย่างเป็นธรรม และได้รับการยอมรับจากคู่พิพาท สมาคมการค้านั้นย่อมเป็นที่เชื่อถือของผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพราะเชื่อมั่นในความเป็นธรรม เมื่อวันหนึ่งตนเองจะต้องเป็นคู่ขัดแย้งบ้าง
นี่คือปัจจัยร่วมของสมาคมการค้าที่เข้มแข็ง สมาคมการค้าที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งนี้ เป็นสมาคมที่มีพื้นฐานที่จะเติบโตเข้มแข็ง อยู่ที่การใช้พลังที่มีในการต่อยอดความสำเร็จนี้ให้ไกลขึ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

6 แหล่งรายได้ของสมาคม

สมาคมการค้าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องขนาดงบประมาณที่จะใช้ในการผลักดันกิจกรรมของสมาคม ครั้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจากสมาชิก สมาขิกก็มักจะไม่ยินยอมให้เก็บเพิ่ม สมาคมการค้าจึงมักจะต้องใช้วิธีปรับลดกิจกรรมตามแผนงานลง ปัญหาเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับองค์การที่ไม่หวังผลกำไรอื่นประเภทที่เน้นบทบาทของสมาชิกด้วย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดีๆ สมาชิกไม่ใช่แหล่งรายได้เดียวของสมาคมการค้า เมื่อจำแนกรายได้ของสมาคม จากเจ้าของเงิน เราสามารถแบ่งได้เป็น 1.สมาชิก :  สมาชิกเป็นแหล่งรายได้แรกๆที่สมาคมจะคิดถึง อย่างไรก็ตาม สมาคมสามารถได้รับรายได้จากสมาชิก ไม่เพียงแต่ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมเท่านั้น สมาคมยังสามารถสร้างสรรค์บริการอื่นที่ตรงใจสมาชิก เพื่อรับค่าบริการเป็นการตอบแทน เช่นการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของสมาชิก, การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สมาชิก เป็นต้น 2.ภาครัฐ :  องค์การไม่หวังผลกำไร เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไม่สามารถดูแลงานภาคสังคมได้ทั่วถึง จึงเกิดการรวมตัวกันของชุมชนเข้ามาช่วยจัดการแทนภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐจึงสนับสนุนงบประมาณและอื่นๆ เป็นการตอบแทนการทำหน้าที่แทนรัฐบาลขององค์การไม่แ...

ยามวิกฤต อย่าลืมทบทวนแหล่งรายได้ของสมาคมด้วย ว่ายังมีอยู่จริงหรือไม่

สมาคมต่างๆ เป็นหน่วยงานไม่หวังผลกำไร นั่นหมายถึง กิจกรรมหลักของแต่ละสมาคม ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อหวังผลกำไร หรือความมั่งคั่ง แต่รายรับก็เป็นสิ่งสำคัญของแต่ละสมาคม แม้แต่สมาคม หรือมูลธินิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการให้ก็ตาม 🔴  อย่าลืมว่า สมาคมเองก็มี Fixed Cost ของตัวเอง  🔴 ในเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากกระทบต่อการประกอบการของภาคธุรกิจ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่ New Normal แล้ว ยังอาจมีผลกระทบต่องบประมาณด้านรายรับของแต่ละสมาคมด้วย ลองทบทวนแหล่งรายรับของสมาคมดูว่า ในรายรับแหล่งต่างๆ อาจได้รับผลกระทบหรือไม่ อย่างไร ตัวอย่างเช่น 1. ค่าธรรมเนียมสมาชิก COVID-19 ทำให้ผู้ประกอบการในหลายๆธุรกิจต้องหยุดการดำเนินการ เช่น กลุ่มโรงแรม กลุ่มการท่องเที่ยว ถ้าสมาชิกของสมาคมของคุณอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ เป็นไปได้ว่า สมาชิกหลายรายอาจเลิกกิจการไป ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อค่าธรรมเนียมสมาชิกของสมาคมที่จะลดลง 2. การสนับสนุน หลายสมาคมมีสื่อของตัวเอง เช่น วารสาร เวบไซต์ สำหรับสื่อสารถึงสมาชิก และในสื่อนี้ สมาคมสามารถแทรกข่าวสารที่เป็นโฆษณาไปด้วย เพื่อแลกกับการสนับสนุน ซึ่งรายได้ส...

ภาษีเงินได้ของสมาคม สมาคมการค้า และมูลนิธิ

มูลนิธิ สมาคม และสมาคมการค้า จัดเป็นองค์การไม่แสวงหากำไร แต่ไม่ถือว่าเป็นองค์การที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จนกว่าจะได้รับการประกาศให้เป็นสถานสาธารณกุศลตามประมวลรัษฎากร มาตรา 47(7)(ข) องค์การไม่แสวงหากำไรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เหล่านี้ ต้องเสียภาษีเงินได้ โดยคำนวณจากเงินได้ที่ได้รับก่อนหักค่าใช้จ่าย เนื่องจากองค์การเหล่านี้ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่หวังผลกำไรอย่างหน่วยธุรกิจทั่วไป ด้งนั้น องค์การไม่หวังผลกำไรแม้จะมีรายได้ และรายจ่า ย แต่หลักในการคำนวณภาษีเงินได้ จะคำนวณจากฐานคือเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับอัตราภาษีขององค์การไม่หวังผลกำไรเหล่านี้ มีดังนี้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(1)-(7) อัตราภาษีอยู่ที่ 10% ของเงินได้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(8) เงินได้จากการพาณิชย์ อัตราภาษีอยู่ที่ 2% 🤞 🤞 🤞 ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้มารวมคำนวณภาษีใน 3 กรณีคือ 1. ค่าธรรมเนียม หรือค่าบำรุงที่เก็บจากสมาชิก 2. เงินบริจาค 3. เงินได้โดยเสน่หา วางแผนการจัดตั้งสมาคมของคุณให้สอดคล้องกับภาระภาษีด้วยนะ จะได้มีเงินไว้สร้างกิจกรรมตามวัตถุประสง...