ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

แนวทางในการพัฒนาสมาคมการค้า 2 - ประสิทธิภาพ

1.มีประสิทธิภาพ

มีองค์ประกอบสำคัญหลายด้านที่จะมีผลต่อประสิทธิภาพของสมาคมการค้า อาจจำแนกได้ดังนี้

มีทรัพยากรเพียงพอ
สมาคมการค้าแต่ละสมาคมจะมีพันธกิจของตนเอง ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ และแต่ละกิจกรรมมักจะต้องใช้เงินหรือทรัพยากรอื่นที่มีเงินเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อน สมาคมการค้าจึงต้องมีเงินหรือทรัพยากรอื่นอย่างเพียงพอในการขับเคลื่อนกิจกรรม หากไม่มีกิจกรรม สมาคมการค้านั้นจะค่อยๆลีบเรียวลง สมาชิกจะเริ่มทิ้งสมาคม และในที่สุดสมาคมการค้านั้นจะถึงจุดจบ

จากเหตุผลข้างต้น แม้สมาคมการค้าจะได้ชื่อว่า เป็นองค์การไม่หวังผลกำไร แต่สมาคมการค้าก็ต้องสร้างกำไร อย่างไรก็ตาม ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า เป็นการสร้างกำไรเพื่อนำมาใช้ขับเคลื่อนกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง มิใช่สร้างกำไรมาเพื่อแบ่งปันตอบแทนแก่กรรมการ หรือสมาชิก การ “ไม่หวังผลกำไร” เป็นส่วนหนึ่งของวัตถุประสงต์ขององค์การ แต่ไม่ใช่โมเดลธุรกิจ

มีวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน
เริ่มจากการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน รู้ทิศทางที่จะนำพาสมาคมการค้าและสมาชิกไป แล้วแปรมาเป็นยุทธศาสตร์การเดินสู่เป้าหมาย มีแผนที่เหมาะสม สามารถจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของงาน สิ่งเหล่านี้จะนำสมาคมให้พัฒนา

แม้ว่าสมาคมจะต้องมีวิสัยทัศน์เชิงมหภาค แต่ต้องไม่ทอดทิ้งความต้องการของสมาชิก การฟังเสียงสมาชิกก่อนร่างแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญ และเมื่อมีแผนแล้ว การคอยติดตามความคืบหน้าของแผน จะเป็นสิ่งประกันความคืบหน้าสู่ความสำเร็จ

ดึงดูดความร่วมมือของทุกฝ่าย
สมาคมการค้าที่มีประสิทธิภาพต้องสามารถดึงความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะจากสมาชิกของสมาคมการค้านั้น ความร่วมมือของสมาชิก ในการทำสิ่งที่ปกติสมาชิกจะไม่ยอมกระทำ เป็นสิ่งบ่งบอกถึงความเข้มแข็งของสมาคมการค้านั้นที่จะนำสมาชิกเดินไปสู่จุดหมาย

ทั้งนี้ การมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน จะดึงดูดหน่วยงานภายนอกที่มีความคิดเห็นสอดคล้องกันให้มาร่วมมือกันได้ในอีกทางหนึ่ง

ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มคุณภาพในการบริการแก่สมาชิก
โลกมุ่งหน้าสู่เทคโนโลยีที่สูงขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้ ไม่ได้ช่วยในการทำงานของสมาคมการได้ทั้งในด้านการช่วยทำงานยากๆที่ปกติทำไม่ได้, ช่วยทำงานโดยลดการใช้ทรัพยากรให้น้อยลง, การทำงานที่เคยทำ แต่เพิ่มคุณภาพของงานให้ดีขึ้น เหล่านี้คือสิ่งที่สมาคมการค้าจะได้จากเทคโนโลยี ที่มีราคาถูกลงเรื่อยๆ

ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีล่าสุด แต่ให้เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับงานของสมาคมที่สุด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

6 แหล่งรายได้ของสมาคม

สมาคมการค้าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องขนาดงบประมาณที่จะใช้ในการผลักดันกิจกรรมของสมาคม ครั้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจากสมาชิก สมาขิกก็มักจะไม่ยินยอมให้เก็บเพิ่ม สมาคมการค้าจึงมักจะต้องใช้วิธีปรับลดกิจกรรมตามแผนงานลง ปัญหาเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับองค์การที่ไม่หวังผลกำไรอื่นประเภทที่เน้นบทบาทของสมาชิกด้วย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดีๆ สมาชิกไม่ใช่แหล่งรายได้เดียวของสมาคมการค้า เมื่อจำแนกรายได้ของสมาคม จากเจ้าของเงิน เราสามารถแบ่งได้เป็น 1.สมาชิก :  สมาชิกเป็นแหล่งรายได้แรกๆที่สมาคมจะคิดถึง อย่างไรก็ตาม สมาคมสามารถได้รับรายได้จากสมาชิก ไม่เพียงแต่ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมเท่านั้น สมาคมยังสามารถสร้างสรรค์บริการอื่นที่ตรงใจสมาชิก เพื่อรับค่าบริการเป็นการตอบแทน เช่นการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของสมาชิก, การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สมาชิก เป็นต้น 2.ภาครัฐ :  องค์การไม่หวังผลกำไร เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไม่สามารถดูแลงานภาคสังคมได้ทั่วถึง จึงเกิดการรวมตัวกันของชุมชนเข้ามาช่วยจัดการแทนภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐจึงสนับสนุนงบประมาณและอื่นๆ เป็นการตอบแทนการทำหน้าที่แทนรัฐบาลขององค์การไม่แสวงหากำไร

Funding Model เพื่อการบริหารชุมชนท่องเที่ยวนวัตวิถีอย่างยั่งยืน

นวัตวิถีคือโครงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดรายได้กับชุมชน โดยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง กระตุ้นเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง เป็นโครงการที่ผนวกโครงการ OTOP เข้ากับการท่องเที่ยว โดยสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองรองขึ้น แล้วส่งนักท่องเที่ยวเข้าชุมชน แทนที่จะดึงวิสาหกิจออกจากชุมชนสู่เมืองอย่างที่โอท็อปเคยทำด้วยการจัดงานแฟร์ แล้วให้สินค้าชุมชนต่างๆเหล่านี้มาออกร้านขายของปีละสามสี่เดือน ส่วนที่เหลืออีกปีละแปดเก้าเดือน ก็เคว้ง ว่างงาน กับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป งานของโครงการชุมชนท่องเที่ยวนวัตวิถี เริ่มตั้งแต่การค้นหาจุดเด่นของชุมชน ดึงมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างเรื่องราว เรื่องเล่า ผสานกับการให้ความรู้กับชุมชนในการสร้างรายรับจากนักท่องเที่ยวที่เข้าสู่ชุมชน นวัตวิถี จึงเป็นโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ภายใต้วิถีชีวิตปกติของชุมชนเอง อย่างไรก็ตาม หากต้องการทำให้โครงการมีความยั่งยืน ต้องมีการจัดการเพื่อให้การบริหารโครงการมีความต่อเนื่อง จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การรักษาความสะอาด การรักษาความปลอดภัย การพัฒนาสินค้าและบริการให้มีความว้าว

ภาษีเงินได้ของสมาคม สมาคมการค้า และมูลนิธิ

มูลนิธิ สมาคม และสมาคมการค้า จัดเป็นองค์การไม่แสวงหากำไร แต่ไม่ถือว่าเป็นองค์การที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จนกว่าจะได้รับการประกาศให้เป็นสถานสาธารณกุศลตามประมวลรัษฎากร มาตรา 47(7)(ข) องค์การไม่แสวงหากำไรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เหล่านี้ ต้องเสียภาษีเงินได้ โดยคำนวณจากเงินได้ที่ได้รับก่อนหักค่าใช้จ่าย เนื่องจากองค์การเหล่านี้ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่หวังผลกำไรอย่างหน่วยธุรกิจทั่วไป ด้งนั้น องค์การไม่หวังผลกำไรแม้จะมีรายได้ และรายจ่า ย แต่หลักในการคำนวณภาษีเงินได้ จะคำนวณจากฐานคือเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับอัตราภาษีขององค์การไม่หวังผลกำไรเหล่านี้ มีดังนี้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(1)-(7) อัตราภาษีอยู่ที่ 10% ของเงินได้ - กรณีเงินได้มาตรา 40(8) เงินได้จากการพาณิชย์ อัตราภาษีอยู่ที่ 2% 🤞 🤞 🤞 ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้มารวมคำนวณภาษีใน 3 กรณีคือ 1. ค่าธรรมเนียม หรือค่าบำรุงที่เก็บจากสมาชิก 2. เงินบริจาค 3. เงินได้โดยเสน่หา วางแผนการจัดตั้งสมาคมของคุณให้สอดคล้องกับภาระภาษีด้วยนะ จะได้มีเงินไว้สร้างกิจกรรมตามวัตถุประสง