ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

3 สิ่งต้องมีในแผนยุทธศาสตร์ของสมาคม



สมาคมจำนวนมากที่บริหารสมาคมไปโดยไม่มีแผน การจัดลำดับงานและทิศทางการตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีงานอะไรเร่งด่วนเฉพาะหน้าเข้ามา หรือใครเสียงดังที่สุดบนโต๊ะประชุม สภาพเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อสมาชิกที่รอรับความช่วยเหลือจากสมาคม ยากจะบอกได้ว่า สมาคมกำลังดำเนินการไปตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอยู่หรือไม่

สาเหตุมักเกิดขึ้นจากการที่สมาคมไม่มีแผนยุทธศาสตร์ของตนเองที่ใช้เป็นแนวทางในการบริหารและตัดสินใจ

คณะกรรมการสมาคมมักคิดว่า การทำแผนยุทธศาสตร์ เป็นเรื่องยากเกินไปที่สมาคมจะทำแผนยุทธศาสตร์เป็นของตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แผนยุทธศาสตร์ของสมาคม มีตั้งแต่ขนาดหนึ่งแผ่นกระดาษ ไปจนถึงเป็นเล่มหนาๆ แต่ทั้งหมดนี้ มี 3 สิ่งมี เหมือนๆกัน นั่นก็คือ

1. ระบุเป้าหมาย
สมาคมจะต้องระบุออกมาให้ชัดเจนถึงภาพความฝันที่มุ่งหมายจะไปให้ถึง เพื่อให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจกับเป้าหมายร่วมกัน ลองคิดดูว่า ถ้าทีมของคุณแยกกันออกเดินทาง  โดยไม่ได้ตกลงกันให้ชัดเจนว่า เป้าหมายคือที่ใด คุณคิดว่า จะมีกี่คนที่คุณจะได้พบที่จุดหมายที่คุณคิดไว้  นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่มือทำงานของแต่ละสมาคม มักพบว่า มีแต่ตัวเองเดินอยู่คนเดียว ส่วนเพื่อนๆต่างกระจัดกระจายไปคนละทาง สภาพเช่นนี้เห็นได้ชัดในเวลาประชุม การให้เหตุผลไปคนละทาง เพราะแต่ละคนต่างก็มองเป้าหมายของสมาคมต่างกันออกไป บางคนมองเป้าระยะสั้น บางคนมองเลยไปถึงเป้าระยะไกล ในแต่ละระยะก็มีจุดเน้นต่างกันอีก งานเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งหากไม่ได้ตกลงเป้าหมายกันก่อน ก็จะกลายเป็นแยกกันเดินแล้วหากันไม่เจอ

การไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน นอกจากจะวัดผลไม่ได้แล้ว ยังยากจะบอกด้วยว่า ตอนนี้คุณเดินหน้า หรือถอยหลัง ยังเดินตามทางหรือหลงทางไปแล้ว

2. ระบุขั้นตอนสำคัญของการเดินสู่เป้าหมาย
เมื่อรู้เป้าหมายแล้ว สิ่งถัดมาที่จะทำก็คือ การกำหนดขั้นตอนสำคัญที่จะไปถึงจุดหมาย ถ้าตกลงกันว่าเป้าหมายคือเชียงใหม่ และสมมุติว่าจากเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆที่มี เห็นพ้องกันว่าต้องไปทางเครื่องบิน ขั้นตอนสำคัญอาจกำหนดได้ว่า จองตั๋ว, เช็คอินขึ้นเครื่อง และถึงเชียงใหม่

3. การวัดผล
คือเกณฑ์ที่จะบอกได้ว่า เราทำงานสำเร็จแล้ว เราถึงปลายทางที่ฝันแล้ว สิ่งที่จะบอกได้ชัดๆอย่างนั้น คือเกณฑ์ที่สามารถวัดได้ ซึ่งกำหนดไว้ตั้งแต่ต้นให้สอดคล้องกับเป้าหมายตามข้อแรก

คณะกรรมการอาจตั้งคำถามถามตัวเองง่ายๆ 3 ข้อว่า
1. เรากำลังจะไปไหน?
2. เราจะไปยังไง?
3. รู้ได้ยังไงว่าเรามาถึงแล้ว?

เมื่อได้คำตอบแล้ว คุณก็จะได้แผนยุทธศาสตร์คร่าวๆกำกับการบริหารสมาคม ไม่ต้องหลงพายเรือวนในอ่างอีกต่อไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

6 แหล่งรายได้ของสมาคม

สมาคมการค้าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องขนาดงบประมาณที่จะใช้ในการผลักดันกิจกรรมของสมาคม ครั้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจากสมาชิก สมาขิกก็มักจะไม่ยินยอมให้เก็บเพิ่ม สมาคมการค้าจึงมักจะต้องใช้วิธีปรับลดกิจกรรมตามแผนงานลง ปัญหาเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับองค์การที่ไม่หวังผลกำไรอื่นประเภทที่เน้นบทบาทของสมาชิกด้วย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดีๆ สมาชิกไม่ใช่แหล่งรายได้เดียวของสมาคมการค้า เมื่อจำแนกรายได้ของสมาคม จากเจ้าของเงิน เราสามารถแบ่งได้เป็น 1.สมาชิก :  สมาชิกเป็นแหล่งรายได้แรกๆที่สมาคมจะคิดถึง อย่างไรก็ตาม สมาคมสามารถได้รับรายได้จากสมาชิก ไม่เพียงแต่ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมเท่านั้น สมาคมยังสามารถสร้างสรรค์บริการอื่นที่ตรงใจสมาชิก เพื่อรับค่าบริการเป็นการตอบแทน เช่นการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของสมาชิก, การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สมาชิก เป็นต้น 2.ภาครัฐ :  องค์การไม่หวังผลกำไร เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไม่สามารถดูแลงานภาคสังคมได้ทั่วถึง จึงเกิดการรวมตัวกันของชุมชนเข้ามาช่วยจัดการแทนภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐจึงสนับสนุนงบประมาณและอื่นๆ เป็นการตอบแทนการทำหน้าที่แทนรัฐบาลขององค์การไม่แสวงหากำไร

เหตุผลที่ภาครัฐนิยมติดต่อกับสมาคมการค้า

จุดเริ่มต้นของสมาคมการค้าจำนวนมาก มักก่อตัวจากกการมีความสนใจหรือปัญหาร่วมกัน จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มเครือข่าย หรือชมรมฯ และเมื่อผ่านการทำกิจกรรมติดต่อกับภาครัฐระยะหนึ่ง กลุ่มเครื่อข่ายนั้น มักได้รับคำแนะนำจากภาครัฐ ให้ดำเนินการจัดตั้งเป็นสมาคมการค้า ในด้านหนึ่งก็เพื่อให้กลุ่มเครือข่ายนั้นมีตัวตนตามกฏหมายเป็นนิติบุคคลหนึ่งที่ภาครัฐจะติดต่อทำธุรกรรมได้เป็นกิจจะลักษณะ อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุผลอื่นอีก โดยเฉพาะสมาคมการค้าที่ผ่านการจัดตั้งระยะหนึ่ง มีกลไกการทำงานของตัวเองแล้ว และนี่คือเหตุผลที่ภาครัฐนิยมในการติดต่อกับสมาคมการค้า 👉 เป็นตัวแทนของหน่วยจ้างงานของประเทศ สมาคมการค้าเป็นตัวแทนของสมาชิกผู้ประกอบการ ที่เป็นหน่วยย่อยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงานทั่วไป จึงมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมธุรกิจ ให้มีการลงทุน ให้เกิดการจ้างงาน ประชาชนมีงานทำ มีการใช้จ่าย ธุรกิจจึงจะดำเนินต่อไปได้อันเป็นที่มาของภาษีที่รัฐจัดเก็บ ภาครัฐจึงอาศัยสมาคมการค้าที่เป็นตัวแทนผู้ประกอบการ เป็นช่องทางหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของภาครัฐได้ 👉 เป็นคู่เจรจาที่น่าเชื่อถ

แนวทางในการพัฒนาสมาคมการค้า

สมาคมการค้า จัดเป็นองค์การที่ไม่หวังผลกำไร ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการประกอบการของสมาชิก อย่างไรก็ตาม คุณค่าของสมาคมการค้า มิได้มีเพียงต่อผู้ประกอบการเท่านั้น สมาคมการค้ายังมีความรับผิดชอบต่อสังคม สมาคมการค้าจึงต้องจัดสมดุลระหว่างประโยชน์ของสมาชิกและสังคมส่วนรวมด้วย เพราะสังคมส่วนรวมก็คือลูกค้าของสมาชิก คือสภาพแวดล้อม หรือระบบนิเวศน์ของการประกอบการของสมาชิก แม้ว่าสมาชิกแต่ละรายอาจมิได้คำนึงถึง แต่สมาคมการค้าต้องคิดถึงผลกระทบเหล่านี้ด้วย กรรมการสมาคมการค้า จึงต้องมองภาพใหญ่กว่าสมาชิกแต่ละราย ต้องมองให้เห็นถึงระดับมหภาค นอกจากนี้ ภาครัฐนิยมขับเคลื่อนนโยบาย หรือโครงการบางอย่างผ่านสมาคมการค้า เพราะสมาคมการค้าเป็นการรวมตัว และเป็นตัวแทนของเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ในหลายๆครั้ง หลายๆโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จ สาเหตุหนึ่งมาจากปัญหาเรื่องความไม่เข้มแข็งของสมาคมการค้านั้น ความเข้มแข็งของสมาคมการค้า สะท้อนออกมาในรูปของการจูงใจให้สมาชิกกระทำการบางอย่าง ที่สมาชิกไม่ยอมกระทำในสถานการณ์ปกติ หากสมาคมการค้าไม่เข้มแข็งเพียงพอ ก็ไม่สามารถชักจูงสมาชิกให้ทำเรื่องยากๆ การพัฒ