การไม่หวังผลกำไร เป็นวัตถุประสงค์หนึ่งขององค์การที่ไม่หวังผลกำไรอย่าง มูลนิธิ สมาคม หรือสมาคมการค้า แต่ไม่ใช่โมเดลธุรกิจในการทำกิจกรรม องค์การไม่หวังผลกำไรเหล่านี้จำเป็นต้องใช้เงินในการทำกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งองค์การ จึงต้องมีโมเดลธุรกิจย่อยอย่างน้อยสองโมเดล หนึ่งคือโมเดลธุรกิจสำหรับงานตามวัตถุประสงค์ โมเดลย่อยที่สองคือ การสร้างรายได้ให้เพียงพอกับการผลักดันกิจกรรมตามวัตถุประสงค์แรก
รายได้ของสมาคมต่างๆ มีที่มาใหญ่ๆสองทางคือ รายได้จากค่าธรรมเนียมหรือค่าบำรุงที่ได้จากสมาขิก ทางที่สองคือ รายได้อื่นที่ไม่ใข่ค่าธรรมเนียม ซึ่งรายได้ที่ไม่ใช่ค่าธรรมเนียมนี้ เป็นแหล่งรายได้ที่ช่วยลดภาระของสมาชิกได้ดี
สมาคมมักพบว่า มีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคม หากแต่การขาดทรัพยากรสำคัญคือรายได้ที่จะใช้ การจะขอเพิ่มค่าธรรมเนียมจากสมาชิก ก็มักไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ หรือไม่อนุมัติคำร้องขอของกรรมการบริหารสมาคม ทำให้ต้องชลอหรือลดขนาดโครงการลงให้เหมาะสมกับรายได้ที่มี
และนี่คือรูปแบบของรายได้ที่ไม่ใช่ค่าธรรมเนียม ที่จะช่วยเพิ่มงบประมาณในการทำงานตามวัตถุประสงค์หลักได้
1.ขายสินค้า
สมาขิก ไม่ว่าในฐานะบุคคลธรรมดาหรือหน่วยธุรกิจ ล้วนจำเป็นต้องจับจ่ายใช้สอย ลองสังเกตว่า มีสินค้าอะไรบ้างที่สมาชิกจำเป็นต้องใช้ ทั้งการบริโภคส่วนตัว และการใช้ในธุรกิจ เมื่อพบสินค้าที่น่าสนใจแล้ว ให้ลองติดต่อนำมาขายให้สมาชิก พร้อมกับการทำความเข้าใจกับสมาชิกถึงประโยชน์ที่ได้แก่สมาชิก โดยที่ไม่ต้องเพิ่มค่าธรรมเนียม
สมาคมศิษษ์เก่า อาจทำของใช้ที่พิมพ์ชื่อหรือตราสัญลักษณ์ของโรงเรียน การหาสินค้าพิเศษให้เฉพาะผู้เป็นสมาชิกสมาคมการค้าจำหน่าย หรือบางอุตสาหกรรมอาจมีอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้เฉพาะอุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งสมาชิกอาจเสาะหามาใช้ได้ยาก หากสมาคมจะเป็นตัวกลางในการจัดหามาจำหน่ายให้แก่สมาชิก จะได้ประโยชน์ทั้งในด้านการอำนวยความสะดวกให้สมาชิก และการสร้างรายได้ให้แก่สมาคมเอง
2.ให้บริการ
สมาคมสามารถดำเนินกิจกรรมบางอย่างให้สมาชิก หรือทำแทนสมาชิกเพื่อแลกกับค่าตอบแทน
สำหรับสมาคมการค้า ในแต่ละอุตสาหกรรมจะมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง เช่น โรงงานที่ผลิตสินค้าส่งออก มักถูกร้องขอให้มีมาตรฐาน ISO หรือ GMP หรือ Halal เป็นต้น การให้คำปรึกษาหรือช่วยให้ธุรกิจสมาชิกพัฒนาจนได้รับมาตรฐานเหล่านี้ ก็เป็นบริการที่ช่วยส่งเสริมการประกอบการของสมาชิก
มีกิจกรรมมากมายในธุรกิจของสมาชิก ที่สมาชิกไม่สามารถ หรือไม่อยากทำเอง ธุรกิจเล็กๆ ไม่สามารถมีฝ่ายบัญชี หรือฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นของตนเอง การทำการตลาดเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยสำหรับธุรกิจเล็กๆ หากสมาคมเสนอตัวเป็นผู้ดำเนินการแทน หรือจัดหาผู้มาทำแทน โดยแลกกับค่าบริการ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
3.ค่านายหน้า
บางครั้ง สิ่งที่สมาชิกต้องการ อาจเกินความสามารถของสมาคม หรืออยู่นอกแนวทางการบริหารของสมาคม สมาคมไม่ต้องการเปลืองเวลาหรือทรัพยากรเพื่อลงไปทำเอง กรณีเช่นนี้ สมาคมอาจจัดหาผู้ให้บริการมาทำแทน โดยสมาคมอาจขอรับค่าตอบแทนเป็นค่านานหน้าหรือเปอร์เซนต์รายได้เป็นการตอบแทน
ประกันภัย เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์จต่อทุกธุรกิจ และบริษัทประกันภัยก็ยินดีจะให้ค่าตอบแทนสำหรับการได้ลูกคาใหม่ ค่านายหน้าจากการประกันภัย จึงเป็นแหล่งรายได้ที่น่าสนใจของสมาคม และองค์การไม่หวังผลกำไรอื่น
4.ขอทุน
ภาครัฐ และธุรกิจขนาดใหญ่มักมีงบประมาณหรือโครงการสนับสนุนกิจกรรมของส่วนรวม
องค์การไม่หวังผลกำไร เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำกิจกรรมภาคสังคมที่รัฐไม่สามารถทำได้ทั่วถึง รัฐจึงมักตั้งงบประมาณ หรือบริการสนับสนุน กรมพัฒนาชุมชน มุ่งไปที่การส่งเสริมงานของชุมชนหรือวิสาหกิจชุมชน กรมพัฒนาธุรกิจ สนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมสนับสนุนภาคการผลิต กองทุนเอฟทีเอสนับสนุนผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเขตการค้าเสรี เป็นต้น
นอกจากนี้ ธุรกิจขนาดใหญ่ ยังมีงบประมาณในส่วนของกิจกรรมเพื่อสังคม องค์การไม่หวังผลกำไร ที่มีโครงการดีๆเพื่อส่วนรวม ที่อยู่ในแนวทางของธุรกิจใหญ่ๆนั้น สามารถนำเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนได้ ซึ่งการสนับสนุนนี้ อาจไม่ใช่เพียงแค่งบประมาณ แต่อาจไปถึงขั้นการจัดหาความเช่วยเหลือต่างๆที่จำเป็น เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จ
5.จัดอบรมสัมมนา
การเรียนรู้เป็นสิ่งที่คนให้การยอมรับ การจัดสัมมนาในหัวข้อที่ตรงกับความสนใจของคนในขณะนั้น นอกจากจะมีรายได้เข้าสมาคมแล้ว ยังเป็นการพัฒนาสมาชิกให้พร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย จึงเป็นกิจกรรมสร้างรายได้ที่สมาคมควรทำเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกมีความตื่นตัว พร้อมจะพัฒนาอยู่เสมอ
6.สปอนเซอร์
คือรายได้ที่เกิดจากการที่ธุรกิจหนึ่งต้องการเข้าถึงกลุ่มคนในช่องทางของเรา
สมาคมการค้า เป็นที่รวมของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือใกล้ๆกัน ผู้ผลิต หรือผู้ขายสินค้าให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้จึงยินดีจะสนับสนุนกิจกรรมของสมาคม เพื่อแลกกับการเข้าถึงสมาชิกของสมาคมซึ่งก็คือกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเขานั่นเอง
การเปิดช่องในการรับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ โดยปกติจะใช้พื้นที่ของสื่อที่สมาคมนั้นๆมีอยู่ หรืออีกช่องทางหนึ่งก็คือผ่านโครงการต่างๆที่สมาคมจัดขึ้น ซึ่งช่องทางเหล่านี้ ปลายทางคือสมาชิกซึ่งก็คือกลุ่มเป้าหมายของผู้เป็นสปอนเซอร์
7.เงินบริจาค
เป็นเงินที่ให้เปล่าแก่สมาคม เนื่องจากการเห็นประโยชน์ของพันธกิจที่สมาคมนั้นๆกำลังกระทำอยู่ เงินบริจาคมีความแตกต่างจาก เงินที่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ตรงที่ เงินบริจาคนั้น ผู้บริจาคมักไม่ต้องการสิ่งตอบแทนจากผู้รับบริจาค
การทำพันธกิจของสมาคมให้ชัดเจน การบริหารมีความโปร่งใส จะช่วยดึงดูดรายได้จากการบริจาคให้เข้าสู่สมาคมได้
8.จัดกิจกรรม
คือการสร้างกิจกรรมใดๆขึ้นมา ที่ดึงดูดการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจากสมาชิก ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ชุมชน เป็นต้น
กิจกรรมที่ได้รับการวางแผนอย่างดี จะเป็นการผลักดันให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคม ดึงดูดความสนใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีช่องทางสร้างรายได้ให้แก่สมาคมได้ในหลายลักษณะ เป็นต้นว่า ค่าเข้าร่วมงาน รายได้จากการสนับสนุน การขายสินค้าและบริการอื่นของสมาคม
ตัวอย่างเช่น การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมการค้า เป็นงานที่เป็นที่รวมของสมาชิกซึ่งเป็นผู้ประกอบการ จึงเป็นช่องทางที่ดีสำหรับ Supplier ของธุรกิจสมาชิกของสมาคมที่จะได้ติดต่ออกับกลุ่มเป้าหมาย สมาคมจึงควรสร้างข้อเสนอให้แก่ Supplier เหล่านี้เพื่อขอรับการสนับสนุน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า สมาคมต่างๆ มีช่องทางมากมายที่จะสร้างรายได้เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสมาคม และองค์การไม่หวังผลกำไรอื่นๆ
รายได้ของสมาคมต่างๆ มีที่มาใหญ่ๆสองทางคือ รายได้จากค่าธรรมเนียมหรือค่าบำรุงที่ได้จากสมาขิก ทางที่สองคือ รายได้อื่นที่ไม่ใข่ค่าธรรมเนียม ซึ่งรายได้ที่ไม่ใช่ค่าธรรมเนียมนี้ เป็นแหล่งรายได้ที่ช่วยลดภาระของสมาชิกได้ดี
สมาคมมักพบว่า มีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคม หากแต่การขาดทรัพยากรสำคัญคือรายได้ที่จะใช้ การจะขอเพิ่มค่าธรรมเนียมจากสมาชิก ก็มักไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ หรือไม่อนุมัติคำร้องขอของกรรมการบริหารสมาคม ทำให้ต้องชลอหรือลดขนาดโครงการลงให้เหมาะสมกับรายได้ที่มี
และนี่คือรูปแบบของรายได้ที่ไม่ใช่ค่าธรรมเนียม ที่จะช่วยเพิ่มงบประมาณในการทำงานตามวัตถุประสงค์หลักได้
1.ขายสินค้า
สมาขิก ไม่ว่าในฐานะบุคคลธรรมดาหรือหน่วยธุรกิจ ล้วนจำเป็นต้องจับจ่ายใช้สอย ลองสังเกตว่า มีสินค้าอะไรบ้างที่สมาชิกจำเป็นต้องใช้ ทั้งการบริโภคส่วนตัว และการใช้ในธุรกิจ เมื่อพบสินค้าที่น่าสนใจแล้ว ให้ลองติดต่อนำมาขายให้สมาชิก พร้อมกับการทำความเข้าใจกับสมาชิกถึงประโยชน์ที่ได้แก่สมาชิก โดยที่ไม่ต้องเพิ่มค่าธรรมเนียม
สมาคมศิษษ์เก่า อาจทำของใช้ที่พิมพ์ชื่อหรือตราสัญลักษณ์ของโรงเรียน การหาสินค้าพิเศษให้เฉพาะผู้เป็นสมาชิกสมาคมการค้าจำหน่าย หรือบางอุตสาหกรรมอาจมีอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้เฉพาะอุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งสมาชิกอาจเสาะหามาใช้ได้ยาก หากสมาคมจะเป็นตัวกลางในการจัดหามาจำหน่ายให้แก่สมาชิก จะได้ประโยชน์ทั้งในด้านการอำนวยความสะดวกให้สมาชิก และการสร้างรายได้ให้แก่สมาคมเอง
2.ให้บริการ
สมาคมสามารถดำเนินกิจกรรมบางอย่างให้สมาชิก หรือทำแทนสมาชิกเพื่อแลกกับค่าตอบแทน
สำหรับสมาคมการค้า ในแต่ละอุตสาหกรรมจะมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง เช่น โรงงานที่ผลิตสินค้าส่งออก มักถูกร้องขอให้มีมาตรฐาน ISO หรือ GMP หรือ Halal เป็นต้น การให้คำปรึกษาหรือช่วยให้ธุรกิจสมาชิกพัฒนาจนได้รับมาตรฐานเหล่านี้ ก็เป็นบริการที่ช่วยส่งเสริมการประกอบการของสมาชิก
มีกิจกรรมมากมายในธุรกิจของสมาชิก ที่สมาชิกไม่สามารถ หรือไม่อยากทำเอง ธุรกิจเล็กๆ ไม่สามารถมีฝ่ายบัญชี หรือฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นของตนเอง การทำการตลาดเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยสำหรับธุรกิจเล็กๆ หากสมาคมเสนอตัวเป็นผู้ดำเนินการแทน หรือจัดหาผู้มาทำแทน โดยแลกกับค่าบริการ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
3.ค่านายหน้า
บางครั้ง สิ่งที่สมาชิกต้องการ อาจเกินความสามารถของสมาคม หรืออยู่นอกแนวทางการบริหารของสมาคม สมาคมไม่ต้องการเปลืองเวลาหรือทรัพยากรเพื่อลงไปทำเอง กรณีเช่นนี้ สมาคมอาจจัดหาผู้ให้บริการมาทำแทน โดยสมาคมอาจขอรับค่าตอบแทนเป็นค่านานหน้าหรือเปอร์เซนต์รายได้เป็นการตอบแทน
ประกันภัย เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์จต่อทุกธุรกิจ และบริษัทประกันภัยก็ยินดีจะให้ค่าตอบแทนสำหรับการได้ลูกคาใหม่ ค่านายหน้าจากการประกันภัย จึงเป็นแหล่งรายได้ที่น่าสนใจของสมาคม และองค์การไม่หวังผลกำไรอื่น
4.ขอทุน
ภาครัฐ และธุรกิจขนาดใหญ่มักมีงบประมาณหรือโครงการสนับสนุนกิจกรรมของส่วนรวม
องค์การไม่หวังผลกำไร เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำกิจกรรมภาคสังคมที่รัฐไม่สามารถทำได้ทั่วถึง รัฐจึงมักตั้งงบประมาณ หรือบริการสนับสนุน กรมพัฒนาชุมชน มุ่งไปที่การส่งเสริมงานของชุมชนหรือวิสาหกิจชุมชน กรมพัฒนาธุรกิจ สนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมสนับสนุนภาคการผลิต กองทุนเอฟทีเอสนับสนุนผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเขตการค้าเสรี เป็นต้น
นอกจากนี้ ธุรกิจขนาดใหญ่ ยังมีงบประมาณในส่วนของกิจกรรมเพื่อสังคม องค์การไม่หวังผลกำไร ที่มีโครงการดีๆเพื่อส่วนรวม ที่อยู่ในแนวทางของธุรกิจใหญ่ๆนั้น สามารถนำเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนได้ ซึ่งการสนับสนุนนี้ อาจไม่ใช่เพียงแค่งบประมาณ แต่อาจไปถึงขั้นการจัดหาความเช่วยเหลือต่างๆที่จำเป็น เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จ
5.จัดอบรมสัมมนา
การเรียนรู้เป็นสิ่งที่คนให้การยอมรับ การจัดสัมมนาในหัวข้อที่ตรงกับความสนใจของคนในขณะนั้น นอกจากจะมีรายได้เข้าสมาคมแล้ว ยังเป็นการพัฒนาสมาชิกให้พร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย จึงเป็นกิจกรรมสร้างรายได้ที่สมาคมควรทำเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกมีความตื่นตัว พร้อมจะพัฒนาอยู่เสมอ
6.สปอนเซอร์
คือรายได้ที่เกิดจากการที่ธุรกิจหนึ่งต้องการเข้าถึงกลุ่มคนในช่องทางของเรา
สมาคมการค้า เป็นที่รวมของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือใกล้ๆกัน ผู้ผลิต หรือผู้ขายสินค้าให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้จึงยินดีจะสนับสนุนกิจกรรมของสมาคม เพื่อแลกกับการเข้าถึงสมาชิกของสมาคมซึ่งก็คือกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเขานั่นเอง
การเปิดช่องในการรับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ โดยปกติจะใช้พื้นที่ของสื่อที่สมาคมนั้นๆมีอยู่ หรืออีกช่องทางหนึ่งก็คือผ่านโครงการต่างๆที่สมาคมจัดขึ้น ซึ่งช่องทางเหล่านี้ ปลายทางคือสมาชิกซึ่งก็คือกลุ่มเป้าหมายของผู้เป็นสปอนเซอร์
7.เงินบริจาค
เป็นเงินที่ให้เปล่าแก่สมาคม เนื่องจากการเห็นประโยชน์ของพันธกิจที่สมาคมนั้นๆกำลังกระทำอยู่ เงินบริจาคมีความแตกต่างจาก เงินที่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ตรงที่ เงินบริจาคนั้น ผู้บริจาคมักไม่ต้องการสิ่งตอบแทนจากผู้รับบริจาค
การทำพันธกิจของสมาคมให้ชัดเจน การบริหารมีความโปร่งใส จะช่วยดึงดูดรายได้จากการบริจาคให้เข้าสู่สมาคมได้
8.จัดกิจกรรม
คือการสร้างกิจกรรมใดๆขึ้นมา ที่ดึงดูดการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจากสมาชิก ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ชุมชน เป็นต้น
กิจกรรมที่ได้รับการวางแผนอย่างดี จะเป็นการผลักดันให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคม ดึงดูดความสนใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีช่องทางสร้างรายได้ให้แก่สมาคมได้ในหลายลักษณะ เป็นต้นว่า ค่าเข้าร่วมงาน รายได้จากการสนับสนุน การขายสินค้าและบริการอื่นของสมาคม
ตัวอย่างเช่น การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมการค้า เป็นงานที่เป็นที่รวมของสมาชิกซึ่งเป็นผู้ประกอบการ จึงเป็นช่องทางที่ดีสำหรับ Supplier ของธุรกิจสมาชิกของสมาคมที่จะได้ติดต่ออกับกลุ่มเป้าหมาย สมาคมจึงควรสร้างข้อเสนอให้แก่ Supplier เหล่านี้เพื่อขอรับการสนับสนุน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า สมาคมต่างๆ มีช่องทางมากมายที่จะสร้างรายได้เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสมาคม และองค์การไม่หวังผลกำไรอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น